ย้ายข้อมูลแอปพลิเคชันภายในองค์กรโดยใช้ยูทิลิตี LCM

ใช้ยูทิลิตี Life Cycle Management (LCM) เพื่อย้ายข้อมูลแอปพลิเคชันภายในองค์กรจากเวอร์ชัน 11.1.2.3.0nn, 11.1.2.4.0nn, 11.1.2.4.5nn, 12.2.1 และที่ใหม่กว่านี้

เวิร์กโฟลว์สำหรับย้ายข้อมูลมีดังนี้
  1. ดาวน์โหลดยูทิลิตี: ในเว็บอินเตอร์เฟซ Essbase คลิก คอนโซล ขยาย เครื่องมือบรรทัดคำสั่ง และดาวน์โหลดยูทิลิตี Life Cycle Management (EssbaseLCMUtility.zip)
  2. ตั้งค่ายูทิลิตี: ในไฟล์ที่ดาวน์โหลดที่ไม่บีบอัด ให้รัน EssbaseLCM.bat (Windows) หรือ EssbaseLCM.sh (Linux) ตามแพลตฟอร์มที่คุณต้องการรันยูทิลิตี คุณสามารถรันไฟล์จากตำแหน่งใดก็ได้กับอินสแตนซ์ของบริการคลาวด์ระยะไกล
  3. รันเอ็กซ์ปอร์ต : ในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Essbase ภายในองค์กร และอีลิเมนต์ไปยังไฟล์ .zip ที่ระบุ ให้ใช้ยูทิลิตี LCM และรันคำสั่งเอ็กซ์ปอร์ต
    ที่พรอมต์คำสั่งของยูทิลิตี LCM ให้ป้อนรูปแบบคำสั่งต่อไปนี้เพื่อเอ็กซ์ปอร์ตแอปพลิเคชันไปยังไฟล์ .zip:
    export -server <hostname> <port> -user username -password password -application appname -zipFile zipfilename [-nodata] [-include-server-level]
  4. รันอิมปอร์ต: ในการอิมปอร์ตแอปพลิเคชันไปยังบริการคลาวด์ ให้ใช้เครื่องมือ CLI ของ Essbase เพื่ออัปโหลดไฟล์ .zip ไปยังแอปพลิเคชันของบริการคลาวด์เป้าหมาย
    รูปแบบคำสั่งของคำสั่ง CLI lcmimport เป็นดังนี้
    lcmImport [-verbose] -zipfilename filename [-overwrite] [-targetappName targetApplicationName] [-artifactlist artifactList]
    เมื่อมีพาร์ติชันอยู่ในที่มาระหว่างแอปพลิเคชันหรือฐานข้อมูลที่มา และแอปพลิเคชันหรือฐานข้อมูลเป้าหมาย เฉพาะพาร์ติชันจากเป้าหมายจะถูกเอ็กซ์ปอร์ตไปยังระบบไฟล์ เมื่อมีพาร์ติชันอยู่ระหว่างลูกบาศก์ที่กำลังย้ายข้อมูล คุณต้องอิมปอร์ตที่มาข้อมูลก่อนเป้าหมายข้อมูล มิฉะนั้น ระบบอาจไม่สามารถเรียกคืนการกำหนดพาร์ติชัน
    หลังจากอิมปอร์ตโดยใช้ยูทิลิตี CLI ให้ดำเนินการต่อไปนี้ในเว็บอินเตอร์เฟซ Essbase: ระบุบทบาทของผู้ใช้ที่ใช้คลาวด์แก่ผู้ใช้ และระบุสคริปต์การคำนวณแก่ผู้ใช้ที่เกี่ยวข้อง
  5. ตรวจสอบความถูกต้อง: ล็อกอินเข้าสู่เว็บอินเตอร์เฟซ Essbase เพื่อดูแอปพลิเคชันและลูกบาศก์ในโฮมเพจ แอปพลิเคชัน