การโหลดข้อมูลพาร์ติชันแบบรวมศูนย์

จากลูกบาศก์พาร์ติชันแบบรวมศูนย์ Essbase คุณสามารถโหลดข้อมูลไปยังตารางแฟคท์ใน Autonomous Data Warehouse ก่อนที่จะทำเช่นนั้นได้ คุณต้องใช้งาน Essbase ร่วมกับพื้นที่เก็บข้อมูลออบเจกต์ OCI และคอนฟิเกอร์ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน DBMS_CLOUD โดยใช้สคริปต์ configure-dbms-writeback

ใช้งาน Essbase ร่วมกับพื้นที่เก็บข้อมูลออบเจกต์ OCI

ในการโหลดข้อมูลจากลูกบาศก์พาร์ติชันแบบรวมศูนย์ไปยังตารางแฟคท์ใน Autonomous Data Warehouse นั้น Essbase จะใช้แพ็คเกจ DBMS_CLOUD ที่ใช้ได้กับ Autonomous Database

ในการเข้าใช้แพ็คเกจ DBMS_CLOUD คุณต้องเลือกเพื่อใช้งาน Essbase ร่วมกับพื้นที่เก็บข้อมูลออบเจกต์ OCI เมื่อคุณใช้งานสแต็ค Oracle Essbase จาก Oracle Cloud Marketplace

โปรดดูรายละเอียดทั้งหมดใน ใช้งาน Essbase จาก Marketplace สำหรับพาร์ติชันแบบรวมศูนย์

ตั้งค่าชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านสำหรับการโหลดข้อมูล

ก่อนที่การโหลดข้อมูลใดๆ จะดำเนินการได้ทาง Essbase ไปยัง Autonomous Data Warehouse จะต้องทำตามเวิร์กโฟลว์ขั้นตอนให้เสร็จสิ้นเพื่อเปิดใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของระบบคลาวด์ให้ใช้งานได้กับพาร์ติชันแบบรวมศูนย์

ประเภทผู้ใช้ในเวิร์กโฟลว์ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านในการโหลดข้อมูล

ผู้ใช้ที่มีการเข้าใช้ประเภทต่อไปนี้ หรืออาจเกี่ยวข้องกับเวิร์กโฟลว์ที่จำเป็นต่อการตั้งค่าลูกบาศก์พาร์ติชันแบบรวมศูนย์สำหรับโหลดข้อมูล ในองค์กรของคุณ บทบาทเหล่านี้อาจแยกกัน (เพื่อให้การตั้งค่าเป็นเวิร์กโฟลว์แบบทำงานร่วมกัน) หรือบทบาทอาจผสมกัน (บุคคลหนึ่งมีการเข้าใช้ที่จำเป็นทั้งหมด)

ประเภทผู้ใช้ บทบาทภายในเวิร์กโฟลว์
ผู้ใช้ SSH

สามารถใช้บรรทัดคำสั่งของระบบปฏิบัติการในการเข้าใช้ ในฐานะผู้ใช้ opc อินสแตนซ์ Essbase จะใช้งานใน Oracle Cloud Infrastructure (อาจเป็นบุคคลเดียวกันที่ใช้งาน Essbase เป็นสแต็คใน OCI)

ผู้ใช้ DB

ทราบชื่อและรหัสผ่านของสคีมา Autonomous Data Warehouse ซึ่งเป็นสคีมาและรหัสผ่านเดียวกันที่ใช้สร้างการเชื่อมต่อ Essbase กับ Oracle Database (ข้อกำหนดเบื้องต้น ที่จำเป็นก่อนสร้างพาร์ติชันแบบรวมศูนย์)

ผู้ใช้ OCI

สามารถเข้าใช้คอนโซล OCI รวมถึงบัคเก็ตพื้นที่เก็บข้อมูลออบเจกต์สำหรับแคตตาล็อก Essbase

ผู้ดูแลระบบ DB

ทราบชื่อและรหัสผ่านของสคีมาผู้ดูแลระบบ Oracle Database

ผู้ดูแลระบบ Essbase

ผู้ดูแลระบบ Essbase จะเป็นผู้ดูแลระบบ Essbase เบื้องต้นที่สร้างขึ้นโดยผู้ดูแลระบบโดเมนของข้อมูลผู้ใช้ก็ได้ (ซึ่งอาจเป็นผู้ใช้ OCI ด้วย) หรืออาจเป็นผู้ดูแลระบบ Essbase อีกแบบหนึ่งที่สร้างขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นการใช้ Essbase

ผู้จัดการแอปพลิเคชัน Essbase

ผู้จัดการ/เจ้าของแอปพลิเคชัน Essbase สร้างขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นการใช้ Essbase

เวิร์กโฟลว์ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านในการโหลดข้อมูล

ขั้นตอนของเวิร์กโฟลว์ต่อไปนี้จะต้องเสร็จสมบูรณ์ต่อสคีมาฐานข้อมูลแต่ละรายการที่คุณกำลังใช้สำหรับพาร์ติชันแบบรวมศูนย์

  1. ผู้ใช้ OCI: ทำตามคำแนะนำใน ใช้งาน Essbase จาก Marketplace สำหรับพาร์ติชันแบบรวมศูนย์ เพื่อใช้งาน Essbase ในรายการภายใน OCI พร้อมตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับพาร์ติชันแบบรวมศูนย์

  2. ผู้ใช้ DB, ผู้ดูแลระบบ Essbase หรือผู้จัดการแอปพลิเคชัน Essbase: เข้าสู่ระบบเว็บอินเตอร์เฟซ Essbase แล้วสร้างการเชื่อมต่อกับ Autonomous Data Warehouse ตามที่อธิบายไว้ใน สร้างการเชื่อมต่อสำหรับพาร์ติชันแบบรวมศูนย์

  3. ผู้ใช้ DB, ผู้ดูแลระบบ Essbase หรือผู้จัดการแอปพลิเคชัน Essbase: สร้างพาร์ติชันแบบรวมศูนย์ตามที่อธิบายไว้ใน สร้างพาร์ติชันแบบรวมศูนย์

  4. ผู้ใช้ OCI: จากโปรไฟล์ผู้ใช้ของคุณในคอนโซล OCI ให้สร้างและคัดลอกโทเค็น ระบุข้อมูลดังกล่าวและชื่อผู้ใช้ของคุณให้กับผู้ใช้ SSH

    โปรดดู สร้างโทเค็นรับรอง


    อินเตอร์เฟซคอนโซล OCI เพื่อคัดลอกโทเค็นที่สร้าง

  5. ผู้ใช้ SSH: รันสคริปต์เตรียมการโหลดข้อมูลที่มีอยู่ในอินสแตนซ์ Essbase บน OCI คุณแค่ต้องรันสคริปต์หนึ่งครั้งต่อสคีมาฐานข้อมูลแต่ละรายการใน Autonomous Data Warehouse

    ตัวอย่าง:

    1. เปลี่ยนเป็นผู้ใช้ Oracle

      sudo su oracle
    2. นาวิเกตไปยังตำแหน่งสคริปต์นี้

      cd /u01/vmtools/config/adwwb_dbms
    3. รันสคริปต์

      ./configure-dbms-writeback.sh

      หมายเหตุ:

      หากต้องการดูตัวเลือกสคริปต์ ให้รันสคริปต์พร้อมอาร์กิวเมนต์ -h หรือ --help รูปแบบคำสั่ง: ./configure-dbms-writeback.sh [--help | -h]

      หมายเหตุ:

      หรือรันสคริปต์ที่มีตัวเลือก Vault ตัวเลือกนี้ตั้งค่าให้สคริปต์รับข้อมูลชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ DB ที่จัดเก็บอยู่ใน Vault ที่เข้าใช้โดยใช้ OCID แทนการแจ้งให้คุณระบุรหัสผ่าน รูปแบบคำสั่ง: ./configure-dbms-writeback.sh [--vault | -V]
    4. เมื่อได้รับข้อความแจ้ง ให้ป้อนข้อมูลที่จำเป็นดังนี้:

      • รหัสผ่านผู้ดูแลระบบ DB หากคุณไม่ได้รันสคริปต์ที่มีตัวเลือก Vault เนื่องจากรหัสผ่านเป็นข้อมูลที่ได้รับการป้องกัน คุณจึงไม่เห็นข้อความในขณะที่พิมพ์ในพรอมต์คำสั่ง
      • ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของผู้ใช้ DB เนื่องจากรหัสผ่านเป็นข้อมูลที่ได้รับการป้องกัน คุณจึงไม่เห็นข้อความในขณะที่พิมพ์ในพรอมต์คำสั่ง
      • ชื่อผู้ใช้และโทเค็นของผู้ใช้ OCI ป้อนสตริง ID ผู้ใช้แบบเต็ม ในการค้นหาสตริงนี้ ในคอนโซล OCI ให้คลิกไอคอนโปรไฟล์ที่มุมขวาบนเพื่อแสดงภาพรวมของโปรไฟล์ผู้ใช้ คัดลอกสตริงแบบเต็มที่แสดงใต้ โปรไฟล์ และเหนือ รายการภายใน
        สตริง ID ผู้ใช้แบบเต็มที่แสดงในคอนโซล OCI ใต้โปรไฟล์และเหนือรายการภายใน

    สคริปต์จะสร้างชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของระบบคลาวด์ที่จำเป็น และจัดเก็บไว้ในสคีมาฐานข้อมูล คุณไม่จำเป็นต้องรันสคริปต์อีกครั้งเมื่อรีสตาร์ทแอปพลิเคชัน OCI, Essbase หรือ Essbase

ตอนนี้คุณสามารถโหลดข้อมูลได้ผ่าน Essbase เพื่ออัปเดตตารางแฟคท์ Autonomous Data Warehouse

หมายเหตุ:

สำหรับผู้ใช้ SSH– ถ้าโทเค็นของผู้ใช้ OCI ในสคริปต์การเตรียมการโหลดข้อมูลไม่สามารถเข้าใช้บัคเก็ตพื้นที่เก็บข้อมูลออบเจกต์สำหรับแคตตาล็อก Essbase คุณจะต้องหาผู้ใช้ OCI รายอื่นที่เป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในประเภทผู้ใช้ในเวิร์กโฟลว์การเตรียมการโหลดข้อมูล และทำซ้ำขั้นตอนในเวิร์กโฟลว์

หมายเหตุอื่นๆ ในการโหลดข้อมูลพาร์ติชันแบบรวมศูนย์

ตำแหน่งไฟล์ข้อมูลที่มา

ก่อนจะดำเนินการโหลดข้อมูลผ่าน Essbase ไปยังตารางแฟคท์ Oracle แนะนำให้คุณอัปโหลดไฟล์ข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ Essbase ระบบรองรับการโหลดข้อมูลฝั่งไคลเอนต์ แต่จะใช้เวลานานกว่า

เครื่องมือการโหลดข้อมูลที่ไม่ใช่ Essbase

หากคุณไม่จำเป้นต้องทำการโหลดข้อมูลผ่าน Essbase ไปยัง Autonomous Data Warehouse คุณสามารถใช้เครื่องมือข้อมูลใน Autonomous Database เพื่อโหลดข้อมูลไปยังตารางแฟคท์และทำงานการจัดการอื่นๆ อย่างไรก็ตาม โปรดตรวจสอบว่าเอาต์ไลน์ของลูกบาศก์และตารางแฟคท์มีความสอดคล้องกัน โปรดดู ข้อควรระวังเกี่ยวกับเมตะดาต้าสำหรับลูกบาศก์พาร์ติชันแบบรวมศูนย์

ไฟล์ข้อมูลที่จัดรูปแบบ DBMS

การโหลดไฟล์เอ็กซ์ปอร์ตข้อมูลที่จัดรูปแบบของ Essbase ไปยังลูกบาศก์พาร์ติชันแบบรวมศูนย์อาจใช้เวลามาก ในการออปติไมซ์การโหลดข้อมูล ให้ใช้ไฟล์ที่มาที่จัดรูปแบบ DBMS คุณสามารถสร้างได้โดยใช้คำสั่งการคำนวณ DATAEXPORT พร้อมตัวเลือก DataExportCSVFormat ไฟล์ที่จัดรูปแบบ CSV สามารถโหลดได้เร็วขึ้น เนื่องจากสอดคล้องกับตัวเลือกรูปแบบแพ็คเกจ DBMS_CLOUD สำหรับไฟล์ที่มา

ไดเมนชันจุดอ้างอิงในตารางแฟคท์และที่มาอินพุตการโหลดข้อมูล

ไดเมนชันจุดอ้างอิงที่ใช้ในไฟล์อินพุตการโหลดข้อมูลต้องเหมือนกับไดเมนชันจุดอ้างอิงของตารางแฟคท์

ตัวอย่างเช่น ในตารางแฟคท์ต่อไปนี้ ไดเมนชันจุดอ้างอิงคือไดเมนชันการวัด (ยอดขาย, COGS, มาร์จิน ฯลฯ)


ตารางแฟคท์ของข้อมูลแบบดีนอร์มัลไลซ์และเมตะดาต้าที่แสดงใน SQL Developer ที่มีส่วนหัวคอลัมน์เป็น "ปี","ผลิตภัณฑ์","ตลาด","สถานการณ์","ยอดขาย","COGS","มาร์จิน","การตลาด","บัญชีเงินเดือน","เบ็ดเตล็ด","ยอดรวมค่าใช้จ่าย","กำไร","สินค้าคงคลังเริ่มต้น","การเพิ่ม" และ "สินค้าคงคลังสิ้นสุด"

ไฟล์อินพุตการโหลดข้อมูลที่ยอมรับได้สำหรับตารางแฟคท์นี้มี Shape คล้ายกัน เนื่องจากมีไดเมนชันจุดอ้างอิงเหมือนกัน ตัวอย่าง (แบบย่อ):

"Year","Product","Market","Scenario","Sales","COGS","Margin","Marketing","Payroll","Misc","Total Expenses","Profit","Opening Inventory","Additions","Ending Inventory"
"Jan","100-10","New York","Actual",678,271,407,94,51,0,145,262,2101,644,2067
"Feb","100-10","New York","Actual",645,258,387,90,51,1,142,245,2067,619,2041
"Mar","100-10","New York","Actual",675,270,405,94,51,1,146,259,2041,742,2108

หากไดเมนชันจุดอ้างอิงของไฟล์อินพุตแตกต่างจากไดเมนชันจุดอ้างอิงของตารางแฟคท์ ระบบจะแสดงข้อผิดพลาดและงานการโหลดข้อมูลจะสิ้นสุดลง

ไม่รองรับการอิมปอร์ตไฟล์หลายรายการใน MaxL

ไม่รองรับการอิมปอร์ตข้อมูลจากหลายไฟล์แบบขนานโดยใช้คำสั่ง MaxL อิมปอร์ตที่มีสัญลักษณ์การค้นหาสำหรับลูกบาศก์พาร์ติชันแบบรวมศูนย์