คอนฟิเกอร์งานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต

เมื่อมีคุณสมบัติของตัวประมวลผลการอิมปอร์ต คุณสามารถอิมปอร์ตเอกสารเป็นกลุ่มได้จากอีเมล์ โฟลเดอร์ของเน็ตเวิร์ก หรือไฟล์แบบลิสต์ไปยังโปรซีเจอร์การบันทึกเนื้อหาโดยอัตโนมัติได้

หากต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการประมวลผลการอิมปอร์ต และวิธีการคอนฟิเกอร์ให้อิมปอร์ตเอกสารเป็นกลุ่มโดยอัตโนมัติ โปรดดู

เกี่ยวกับการประมวลผลการอิมปอร์ต

ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตช่วยให้คุณสามารถอิมปอร์ตเอกสารจำนวนมากโดยอัตโนมัติ (เอกสารที่เป็นรูปภาพและไม่ใช่รูปภาพ) เข้าสู่ Oracle Content Management จากอีเมล์ โฟลเดอร์เน็ตเวิร์ก หรือไฟล์ลิสต์

การตั้งค่าที่สำคัญสำหรับงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต

การอิมปอร์ตรูปภาพและเอกสารอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ โดยอัตโนมัติของตัวประมวลผลการอิมปอร์ตเข้าสู่ Content Capture นั้นสามารถใช้กับแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น อุปกรณ์มัลติฟังก์ชัน รูปภาพที่สแกนโดยใช้ซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตรายอื่น และเอกสารที่ส่งเป็นสิ่งที่แนบมากับอีเมล์

คุณสามารถสร้างงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตเหล่านี้ โดยขึ้นอยู่กับไฟล์ที่คุณต้องการอิมปอร์ต:
  • ที่มาอีเมล์: สำหรับงานตัวประมวลผลที่มาอีเมล์ ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะอิมปอร์ตไฟล์ที่แนบมากับข้อความอีเมล์เข้าสู่ Content Capture นอกจากนี้ ยังสามารถอิมปอร์ตเนื้อหาของอีเมล์และข้อความอีเมล์ทั้งข้อความได้อีกด้วย

  • ที่มาโฟลเดอร์: สำหรับงานตัวประมวลผลที่มาโฟลเดอร์ ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะตรวจสอบโฟลเดอร์การอิมปอร์ต และอิมปอร์ตไฟล์ทั้งหมดที่พบว่ามีไฟล์มาสก์ที่ระบุ

  • ที่มาลิสต์ไฟล์: ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะตรวจสอบโฟลเดอร์การอิมปอร์ต และอ่านไฟล์ (ข้อความ) ลิสต์ ซึ่งมีเรคคอร์ดที่ระบุแต่ละไฟล์ที่จะอิมปอร์ต ไฟล์สิ่งที่แนบมาที่จะอิมปอร์ต และค่าเมตะดาต้าที่จะระบุให้กับไฟล์

ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการประมวลผลการอิมปอร์ต

  • ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตแตกต่างจากตัวประมวลผลแบทช์อื่นๆ ที่ประมวลผลแบทช์ตามคิว โดยจะดึงข้อมูลตามความถี่ที่ระบุ (ตั้งแต่ทุก 30 วินาทีถึงวันละครั้ง) ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะค้นหาไฟล์ที่จะอิมปอร์ตจากที่มาที่ระบุ และเมื่อพบ จะเริ่มต้นประมวลผล

  • คุณสามารถคอนฟิเกอร์การตั้งค่าเฉพาะสำหรับที่มาที่เลือกไว้ (อีเมล์หรือโฟลเดอร์) ในเพจ การตั้งค่าที่มาการอิมปอร์ต: ตัวอย่างเช่น
    • สำหรับที่มาอีเมล์ คุณสามารถระบุอีเมล์แอคเคาท์ที่ต้องการให้ตรวจสอบ และข้อความอีเมล์ และ/หรือสิ่งที่แนบมาที่คุณต้องการอิมปอร์ต

    • สำหรับงานของไฟล์ลิสต์ คุณสามารถระบุโฟลเดอร์และไฟล์ลิสต์ที่คุณต้องการให้อ่านได้

    • สำหรับงานการอิมปอร์ตโฟลเดอร์ คุณสามารถระบุโฟลเดอร์และประเภทไฟล์ที่ต้องการอิมปอร์ต

เพิ่มหรือแก้ไขงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต

  • โปรดอย่าดำเนินการแก้ไขที่สำคัญกับองค์ประกอบของโปรซีเจอร์สำหรับงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตในขณะที่มีสถานะออนไลน์อยู่ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณแก้ไขหรือลบฟิลด์เมตะดาต้าที่งานใช้อยู่ออก จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น เนื่องจากข้อมูลในแบทช์จะไม่ตรงกับการตั้งค่าของงานอีกต่อไป

  • เมื่อคุณแก้ไขการตั้งค่างานตัวประมวลผล ให้รันไคลเอนต์เพื่อดูแบทช์ที่อิมปอร์ต ในไคลเอนต์ คุณต้องรีเฟรชลิสต์ของแบทช์เพื่อดูแบทช์ที่เพิ่งอิมปอร์ตใหม่

ในการเพิ่มหรือแก้ไขงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต ให้ทำดังนี้
  1. ในช่องโปรซีเจอร์ทางด้านซ้าย ให้เลือกโปรซีเจอร์ของคุณ

    เพจคอนฟิเกอเรชันสำหรับโปรซีเจอร์ที่เลือกไว้จะปรากฏทางด้านขวา

  2. เปิดแท็บ บันทึก ของโปรซีเจอร์ของคุณ

  3. ในตาราง ตัวประมวลผลการอิมปอร์ต ให้คลิก เพิ่มงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต เพื่อสร้างงานใหม่ ในการแก้ไขงานที่มีอยู่ ให้เลือกงานดังกล่าวและคลิก แก้ไขงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต

    นอกจากนี้ คุณยังสามารถคัดลอกงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต โดยเลือกที่งานและคลิก คัดลอกงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต และป้อนชื่อใหม่เมื่อระบบแสดงพรอมต์ การคัดลอกงานจะช่วยให้คุณสามารถสร้างสำเนาและแก้ไขงานนั้นได้อย่างรวดเร็ว

  4. เลือกการตั้งค่าในเพจการตั้งค่าทั่วไป

    1. ป้อนชื่อในฟิลด์ ชื่องานการอิมปอร์ต และป้อนคำนำหน้าในฟิลด์ คำนำหน้าแบทช์ แบทช์ที่อิมปอร์ตจะตั้งชื่อโดยใช้คำนำหน้านี้ ตามด้วยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเมื่อมีแบทช์ใหม่

    2. ในฟิลด์ ที่มาการอิมปอร์ต ให้ระบุที่มาของไฟล์ที่อิมปอร์ต: ที่มาอีเมล์, ที่มาโฟลเดอร์ หรือ ที่มาไฟล์ลิสต์

      ที่มาที่คุณเลือกจะเป็นตัวกำหนดการตั้งค่าที่ปรากฏในเพจการตั้งค่าที่มาการอิมปอร์ต

    3. สำหรับ ที่มาโฟลเดอร์ หรือ ที่มาไฟล์ลิสต์ ในฟิลด์ ความถี่การอิมปอร์ต ให้ระบุช่วงเวลาที่งานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะตรวจหาไฟล์เพื่ออิมปอร์ต คุณสามารถเลือกทุก 30 วินาที, ทุก 1, 5, 15 หรือ 30 นาที, ทุก 1 ชั่วโมง หรือทุกวัน ถ้าคุณระบุ "ทุกวัน" ให้ระบุเวลาในฟิลด์ เวลาชั่วโมง และ นาที ที่ปรากฏ

    4. ระบุการตั้งค่าอื่นๆ ในเพจให้ครบถ้วน เช่น ระบุสถานะของแบทช์ดีฟอลต์หรือลำดับความสำคัญที่จะกำหนดให้กับแบทช์เมื่อสร้าง

  5. ในเพจการตั้งค่ารูปภาพ ให้ระบุการตั้งค่าเกี่ยวกับวิธีจัดรูปแบบและตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์รูปภาพที่อิมปอร์ต

    1. เลือกตัวเลือก เก็บรักษาไฟล์รูปภาพ เพื่อคงไฟล์รูปภาพไว้ และกำหนดให้ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตสามารถอิมปอร์ตรูปภาพได้โดยไม่ต้องประมวลผลรูปภาพ การเลือกตัวเลือกนี้จะทำให้ตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมดในเพจนี้ใช้ไม่ได้โดยอัตโนมัติ คุณจะไม่สามารถแก้ไขเอกสารไฟล์รูปภาพที่เก็บรักษาไว้ (เช่น ต่อท้ายเพจ ลบเพจ หรือย้ายเพจ)

    2. ในฟิลด์ ลดอัตราสุ่มรูปภาพ ให้ระบุวิธีแปลงรูปภาพโดยรักษารูปแบบของรูปภาพไว้ (ไม่มี), แปลงสีเป็นเกรย์สเกล (ลดอัตราสุ่มจากสีเป็นเกรย์สเกล 8 บิต) หรือแปลงเป็นขาวดำ (ลดอัตราสุ่มจากสีหรือเกรย์สเกลเป็นขาวดำ)

    3. ในฟิลด์ คุณภาพรูปภาพ JPEG ให้ระบุค่าตั้งแต่ 0 ถึง 99 โดยที่ 99 หมายถึงคุณภาพสูงสุด และ 85 เป็นค่าดีฟอลต์ ฟิลด์นี้จะไม่มีผลกับรูปภาพขาวดำ

    4. ในฟิลด์ ถ้าการตรวจสอบความถูกต้องของรูปภาพล้มเหลว ให้ระบุการดำเนินการเมื่อเพจรูปภาพไม่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องของการคลายการบีบอัด:
      • ล้มเลิกแบทช์: แบทช์ทั้งหมดจะมีสถานะข้อผิดพลาด และถูกส่งไปยัง Content Capture Client
      • แยกไฟล์: สร้างแบทช์ใหม่โดยมีเฉพาะเอกสารที่ล้มเหลว เอกสารอื่นๆ ที่ไม่ได้ทำงานล้มเหลวจะได้รับการประมวลผลจนเสร็จสมบูรณ์
      • ลบแบทช์: ตัวเลือกนี้ใช้ได้ต่อเมื่อคุณเลือก ที่มาอีเมล์ เป็นที่มาการอิมปอร์ตในเพจการตั้งค่าทั่วไป
      • ข้ามไฟล์: ตัวเลือกนี้ใช้ได้ต่อเมื่อคุณเลือก ที่มาอีเมล์ เป็นที่มาการอิมปอร์ตในเพจการตั้งค่าทั่วไป
    5. ในฟิลด์ เกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนไบต์ในเพจว่างเปล่าสำหรับขาวดำ และ เกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนไบต์ในเพจว่างเปล่าสำหรับสีหรือเกรย์สเกล ให้ป้อนค่าของขนาดไฟล์ (เป็นจำนวนไบต์) รูปภาพที่มีขนาดต่ำกว่าหรือเท่ากับเกณฑ์นี้ถือเป็นเพจว่างเปล่าและจะถูกลบออก

      หมายเหตุ:

      สำหรับรูปภาพขาวดำ (รูปภาพ 200 x 200 DPI) ค่าที่แนะนำคือ 1500 การตั้งค่านี้จะทำให้เพจว่างเปล่าและเพจที่มีข้อความน้อยมีความแตกต่างกัน
  6. ในเพจโปรไฟล์เอกสาร ให้คอนฟิเกอร์การตั้งค่าเกี่ยวกับการระบุเมตะดาต้าให้กับเอกสารที่อิมปอร์ต โปรดดู คอนฟิเกอร์การระบุเมตะดาต้าระหว่างการอิมปอร์ต

  7. ในเพจการตั้งค่าที่มาการอิมปอร์ต ให้คอนฟิเกอร์การตั้งค่าเฉพาะสำหรับที่มา

  8. ในเพจการประมวลผลภายหลัง ให้ระบุสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากประมวลผลการอิมปอร์ตเสร็จสมบูรณ์ โปรดดู คอนฟิเกอร์การประมวลผลภายหลังของงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต

  9. ตรวจดูการตั้งค่าในเพจสรุปงานการอิมปอร์ต และคลิก ส่ง

ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถทดสอบงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตที่คุณสร้างและตั้งค่าความถี่ไว้ทุก 30 วินาที และตรวจสอบโฟลเดอร์หรืออีเมล์แอคเคาท์เพื่อดูกิจกรรมการประมวลผล

เลิกใช้งานหรือลบงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต

เมื่อคุณลบงานการอิมปอร์ต ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะไม่ตรวจสอบไฟล์ตามความถี่ที่ระบุอีกต่อไป หากงานการอิมปอร์ตออนไลน์อยู่ งานจะรันในช่วงเวลาที่ระบุไว้ในฟิลด์ ความถี่ในการอิมปอร์ต ในเพจการตั้งค่าทั่วไปของงาน คุณสามารถหยุดการรันงาน (กำหนดให้มีสถานะออฟไลน์) ชั่วคราว หรือเปลี่ยนงานที่เลิกใช้แล้วให้กลับมาทำงานใหม่ได้

หากต้องการปิดใช้งานหรือลบงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต ให้ทำดังนี้
  1. ในช่องโปรซีเจอร์ทางด้านซ้าย ให้เลือกโปรซีเจอร์ของคุณ
    เพจคอนฟิเกอเรชันสำหรับโปรซีเจอร์ที่เลือกไว้จะปรากฏทางด้านขวา
  2. เปิดแท็บ บันทึก
  3. ในตาราง งานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต ให้เลือกงานที่คุณต้องการปิดใช้งานก่อน แล้วคลิก ปิดหรือเปิดใช้งานตัวประมวลผล

    นอกจากนี้ คุณยังสามารถเปิดหรือปิดใช้งานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตได้โดยเลือกหรือยกเลิกการเลือกฟิลด์ ออนไลน์ ในเพจการตั้งค่าทั่วไป

  4. เลือกงานที่ปิดใช้งาน แล้วคลิก ลบงานตัวประมวลผล
  5. เมื่อระบบแสดงพรอมท์ ให้คลิก ใช่ เพื่อยืนยันว่าคุณต้องการลบงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตนี้

คอนฟิเกอร์การตรวจหาเพจว่างเปล่าในงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต

มีหลายครั้งที่ผู้ใช้อิมปอร์ตเอกสารที่เป็นรูปภาพโดยมีเพจว่างเปล่า คุณสามารถคอนฟิเกอร์ Content Capture ให้ตรวจหาและลบเพจว่างเปล่าออกจากเอกสารโดยอัตโนมัติ สิ่งที่คุณต้องทำคือ ระบุขนาดไฟล์ที่เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำ เพื่อให้รูปภาพที่มีขนาดต่ำกว่าหรือเท่ากับเกณฑ์นี้ถือเป็นเพจว่างเปล่า

ในการคอนฟิเกอร์การตรวจหาเพจว่างเปล่า ให้ทำดังนี้
  1. เพิ่มหรือแก้ไขงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต จากนั้นเลือกเพจ การตั้งค่ารูปภาพs
  2. ในฟิลด์ เกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนไบต์ในเพจว่างเปล่าสำหรับขาวดำ และ เกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนไบต์ในเพจว่างเปล่าสำหรับสีหรือเกรย์สเกล ให้ป้อนค่าของขนาดไฟล์ (เป็นจำนวนไบต์) ฟิลด์เหล่านี้ใช้ได้เฉพาะกับไฟล์รูปภาพที่อิมปอร์ต แต่ไม่สามารถใช้กับไฟล์ที่ไม่ใช่รูปภาพ ถ้ารูปภาพว่างเปล่าเป็นส่วนที่ควรเก็บไว้ ให้เลือกตัวเลือก เก็บรักษาไฟล์รูปภาพ แทน
  3. คลิก ส่ง เพื่อบันทึกงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต
คุณสามารถตรวจสอบผลลัพธ์ของคอนฟิเกอเรชันนี้ได้ในไคลเอนต์ รูปภาพว่างเปล่าจะได้รับการประมวลผลภายหลังเป็นรูปภาพที่ถูกต้อง

คอนฟิเกอร์การอิมปอร์ตข้อความอีเมล์และสิ่งที่แนบมากับอีเมล์

ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะอิมปอร์ตไฟล์ที่แนบมากับข้อความอีเมล์ขาเข้า พร้อมกับองค์ประกอบของข้อความอีเมล์ เช่น เรื่องและเนื้อหา เข้าสู่ Content Capture ข้อความอีเมล์ขาเข้าแต่ละข้อความจะกลายเป็นแบทช์ โดยมีองค์ประกอบอีเมล์ เช่น สิ่งที่แนบมา เนื้อหาของข้อความ หรือทั้งข้อความอีเมล์ที่สร้างขึ้นเป็นเอกสารแยกกันภายในแบทช์

ในการคอนฟิเกอร์การตั้งค่างานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตอีเมล์ ให้ทำดังนี้

  1. ในการ เพิ่ม แก้ไข หรือคัดลอกงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต เลือก ที่มาอีเมล์ ในฟิลด์ ที่มาการอิมปอร์ต ในเพจการตั้งค่าทั่วไป

  2. ในการคอนฟิเกอร์การอิมปอร์ตอีเมล์ ให้เลือกเพจ การตั้งค่าที่มาการอิมปอร์ต

  3. ในแท็บ อีเมล์แอคเคาท์ ให้คอนฟิเกอร์อีเมล์เซิร์ฟเวอร์ซึ่งควรเชื่อมต่อกับงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต
    โปรโตคอลการเชื่อมต่อ ตัวเลือกที่ใช้ได้ ค่า
    อีเมล์เซิร์ฟเวอร์ IMAP มาตรฐาน อีเมล์เซิร์ฟเวอร์ IMAP มาตรฐาน ป้อนชื่อ DNS และ IP แอดเดรส ตัวอย่างเช่น emailserver.example.com อีเมล์เซิร์ฟเวอร์นี้ต้องรองรับ TLS 1.2 ขึ้นไป และยอมรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต 993
    Microsoft Exchange Web Services ประเภท Exchange Service: การตรวจสอบสิทธิ์พื้นฐาน ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของอีเมล์แอคเคาท์เท่านั้น ป้อน URL ของ Microsoft Exchange Web Service ในรูปแบบต่อไปนี้: https://<hostname>/ews/exchange.asmx ตัวอย่างเช่น https://outlook.office365.com/ews/exchange.asmx
    Microsoft Exchange Web Services ประเภท Exchange Service: OAuth ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของอีเมล์แอคเคาท์และคีย์ของ Exchange Online
    • ฟิลด์ URL ของ Microsoft Email Exchange Service: ป้อน URL ของ Exchange Web Service ที่จะใช้ในรูปแบบต่อไปนี้: https://<hostname>/ews/exchange.asmx ตัวอย่างเช่น https://outlook.office365.com/ews/exchange.asmx
    • ID ไคลเอนต์ของแอป, ข้อมูลลับของไคลเอนต์ของแอป และ ID รายการภายในของแอป: หากต้องการเรียกค่าสำหรับ ID ไคลเอนต์, ข้อมูลลับของไคลเอนต์ และ ID รายการภายใน ให้รีจิสเตอร์แอปพลิเคชันใหม่โดยใช้พอร์ทัล Azure โปรดดูรายละเอียดที่ รีจิสเตอร์แอปพลิเคชันกับแพลตฟอร์มข้อมูลผู้ใช้ของ Microsoft
    • EWS.AccessAsUser.All ใน ขอบเขตของแอป: ป้อนค่าที่ต้องการ
    • เพิ่มแอคเคาท์ผู้ใช้และคอนฟิเกอร์การตั้งค่าอื่นๆ ของงาน
    Google Mail (OAuth) Google Mail (OAuth) โปรดดู ตั้งค่า Google Mail (OAuth) สำหรับการอิมปอร์ตอีเมล์
  4. คอนฟิเกอร์อีเมล์แอคเคาท์ที่งานควรตรวจหาข้อความ:
    1. ในตาราง อีเมล์แอคเคาท์ที่จะประมวลผล ให้คลิก เพิ่มอีเมล์แอคเคาท์ ในไดอะล็อก เพิ่ม/แก้ไขอีเมล์แอคเคาท์ ให้ป้อนอีเมล์แอดเดรสและรหัสผ่านเพื่อระบุสิทธิ์เข้าใช้อีเมล์แอคเคาท์ให้กับงาน

    2. คลิก ยืนยัน เพื่อยืนยันว่า Content Capture สามารถเชื่อมต่อกับอีเมล์เซิร์ฟเวอร์ โดยใช้ข้อมูลแอคเคาท์ที่ระบุ ระบุอีเมล์แอคเคาท์เพิ่มเติมถ้าจำเป็น

  5. ในแท็บ ฟิลเตอร์ข้อความ ให้ระบุตำแหน่งและวิธีที่จะค้นหาข้อความอีเมล์และ/หรือสิ่งที่แนบมา

    1. ในฟิลด์ โฟลเดอร์ที่จะประมวลผล ให้ป้อนโฟลเดอร์ที่จะค้นหาในอีเมล์แอคเคาท์ที่ระบุ ค่าดีฟอลต์คืออินบ็อกซ์ของเซิร์ฟเวอร์ หากต้องการระบุหลายโฟลเดอร์ ให้คั่นด้วยเครื่องหมาย ; (เซมิโคลอน) ในการระบุโฟลเดอร์ย่อย ให้ระบุตัวคั่นพาธที่ใช้ได้สำหรับเมล์เซิร์ฟเวอร์ เช่น เครื่องหมาย / (ทับ) ดังที่อยู่ใน โฟลเดอร์/โฟลเดอร์ย่อย

    2. ตามค่าดีฟอลต์ Content Capture จะประมวลผลอีเมล์ทั้งหมดในโฟลเดอร์ที่ระบุ ยกเว้นกรณีที่มีการใช้ฟิลเตอร์ข้อความกับงาน ในตาราง ฟิลเตอร์ข้อความ ให้เลือกฟิลด์ ใช้งาน สำหรับแต่ละองค์ประกอบของอีเมล์ที่จะค้นหา จากนั้นป้อนอักขระเพื่อค้นหาในฟิลด์ ฟิลด์ประกอบด้วย

      ตัวอย่างเช่น ในการค้นหาอีเมล์ที่หัวข้อหรือเนื้อหาของอีเมล์มีคำว่า การชำระเงิน คุณจะเลือก ใช้งาน สำหรับฟิลด์การค้นหาทั้งสองฟิลด์ โดยระบุ การชำระเงิน ในรายการ ฟิลด์ประกอบด้วย และเลือกโอเปอเรเตอร์การค้นหาเป็น หรือ

    3. ในฟิลด์ โอเปอเรเตอร์การค้นหา ให้เลือกโอเปอเรเตอร์การค้นหาที่จะใช้สำหรับฟิลเตอร์ข้อความที่ระบุ: และ (ค่าดีฟอลต์) จะอิมปอร์ตเฉพาะเมื่อตรงตามเกณฑ์การค้นหาทั้งหมด ขณะที่ หรือ จะอิมปอร์ตเมื่อตรงตามเกณฑ์การค้นหาใดก็ได้

  6. ในแท็บ การประมวลผล ให้ระบุวิธีประมวลผลข้อความอีเมล์และสิ่งที่แนบมา คุณสามารถระบุข้อมูลที่จะรวม และลำดับความสำคัญที่จะระบุให้กับแบทช์ ตามลำดับความสำคัญของอีเมล์

    1. ใน ตัวเลือกข้อความอีเมล์ ให้ระบุว่าต้องการอิมปอร์ตไฟล์เนื้อหาของข้อความหรือไม่ ระบุรูปแบบการอิมปอร์ต (ข้อความหรือ EML) และกำหนดว่าต้องการรวมไว้เมื่อไม่มีสิ่งที่แนบมาหรือไม่ และกำหนดว่าต้องการอิมปอร์ตข้อความอีเมล์ (รวมถึงสิ่งที่แนบมา) ทั้งข้อความเป็นไฟล์ EML หรือไม่

    2. ในฟิลด์ รวมสิ่งที่แนบมาที่ตรงกับมาสก์เหล่านี้ ให้ระบุไฟล์สิ่งที่แนบมาโดยอ้างอิงจากไฟล์มาสก์ คุณสามารถป้อนไฟล์มาสก์ได้หลายรายการ โดยคั่นด้วยเครื่องหมายคอมมาหรือเซมิโคลอน ตัวอย่างเช่น คุณอาจรวมไฟล์ PDF (*.pdf) ทั้งหมด

    3. ในฟิลด์ ไม่รวมสิ่งที่แนบมาที่ตรงกับมาสก์เหล่านี้ ให้ระบุไฟล์สิ่งที่แนบมาที่จะไม่รวมโดยอ้างอิงจากไฟล์มาสก์ คุณสามารถป้อนไฟล์มาสก์ได้หลายรายการ โดยคั่นด้วยเครื่องหมายคอมมาหรือเซมิโคลอน

    4. คุณสามารถเลือก ประมวลผลภายหลังเสมอเมื่อสิ่งที่แนบมาไม่ตรงกับมาสก์ เพื่อส่งอีเมล์ประมวลผลภายหลังทุกครั้งเมื่อสิ่งที่แนบมาไม่ตรงกับมาสก์ที่ระบุในฟิลด์ รวมสิ่งที่แนบมาที่ตรงกับมาสก์เหล่านี้ และ ไม่รวมสิ่งที่แนบมาที่ตรงกับมาสก์เหล่านี้ ถ้าฟิลด์นี้มีสถานะใช้งานและสิ่งที่แนบมาไม่ตรงกับมาสก์ที่ระบุ การอิมปอร์ตอีเมล์จะถือว่าไม่สำเร็จและจะมีการประมวลผลภายหลังตามการตั้งค่าที่คุณระบุในฟิลด์ เมื่อการอิมปอร์ตล้มเหลว ในแท็บ การประมวลผลภายหลัง

      หมายเหตุ:

      ฟิลด์ ประมวลผลภายหลังเสมอเมื่อสิ่งที่แนบมาไม่ตรงกับมาสก์ จะใช้งานไม่ได้เมื่อทั้งฟิลด์ อิมปอร์ตไฟล์เนื้อหาของข้อความ และ รวมเมื่อไม่มีสิ่งที่แนบมา มีสถานะใช้งานพร้อมกัน
    5. ใน การเรียงลำดับเอกสาร ให้ระบุลำดับซึ่งเรียงองค์ประกอบ (เช่น เนื้อหาของข้อความและสิ่งที่แนบมา) จากข้อความอีเมล์เป็นเอกสารในแบทช์ที่อิมปอร์ต

    6. ใน รวมในหมายเหตุของแบทช์ ให้เลือกองค์ประกอบของข้อความ (เช่น วันที่/เวลาที่ได้รับ, จากแอดเดรส, ไปยังแอดเดรส, เรื่อง และ เนื้อหาของข้อความ)

    7. ใน ลำดับความสำคัญของแบทช์ ให้ระบุลำดับความสำคัญให้กับแต่ละแบทช์ใหม่โดยอ้างอิงจากลำดับความสำคัญของอีเมล์ (ต่ำ, ปกติ, สูง) ตัวอย่างเช่น ป้อน 8 ในฟิลด์ สูง เพื่อระบุลำดับความสำคัญ 8 ให้กับอีเมล์ลำดับความสำคัญสูงใน Content Capture อีเมล์ที่ไม่ได้ระบุลำดับความสำคัญจะถือว่ามีลำดับความสำคัญปกติ

  7. ในแท็บ การประมวลผลภายหลัง ให้ระบุสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับข้อความอีเมล์หลังจากที่อิมปอร์ตสำเร็จหรืออิมปอร์ตล้มเหลว คุณสามารถลบข้อความ ย้ายไปยังโฟลเดอร์ที่ระบุภายในอีเมล์แอคเคาท์ หรือป้องกันไม่ให้มีการลบข้อความในกรณีที่การอิมปอร์ตล้มเหลว ตัวอย่างเช่น หากงานมีการรันเป็นประจำ คุณอาจป้องกันไม่ให้มีการอิมปอร์ตอีเมล์ที่อิมปอร์ตสำเร็จแล้วซ้ำ โดยย้ายไปยังโฟลเดอร์ที่ระบุ

  8. ดำเนินการกับเพจงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตอื่นๆ ให้เสร็จสมบูรณ์ตามที่อธิบายไว้ใน เพิ่มหรือแก้ไขงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต

คุณสามารถทดสอบงานการอิมปอร์ตอีเมล์ได้ ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะตรวจสอบอีเมล์แอคเคาท์ที่คอนฟิเกอร์สำหรับข้อความและค้นหาอีเมล์ที่ตรงกันจากโฟลเดอร์ ถ้าพบอีเมล์ที่ตรงกัน ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะสร้างแบทช์ของ Content Capture และสร้างเอกสารสำหรับแต่ละเอกสารที่อิมปอร์ตจากข้อความอีเมล์นั้น ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะป็อปปูเลทฟิลด์เมตะดาต้าด้วยเมตะดาต้าของอีเมล์ และลบข้อความที่อิมปอร์ตสำเร็จ หรือย้ายไปยังโฟลเดอร์

Content Capture จะดึงข้อมูลอีเมล์จากอีเมล์แอคเคาท์ที่คุณคอนฟิเกอร์ในแท็บ อีเมล์แอคเคาท์ เป็นระยะ แต่ถ้าคุณต้องการทริกเกอร์การอิมปอร์ตอีเมล์เมื่อใดก็ตาม ให้เลือกงานการอิมปอร์ตอีเมล์ในตาราง งานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต และคลิกไอคอน ตรวจสอบอีเมล์ ไอคอนนี้จะใช้งานไม่ได้ถ้างานการอิมปอร์ตอีเมล์ของคุณมีสถานะออฟไลน์

คอนฟิเกอร์การอิมปอร์ตไฟล์ลิสต์

เมื่อใช้งานการอิมปอร์ตไฟล์ลิสต์ ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะตรวจสอบโฟลเดอร์การอิมปอร์ตเพื่อหาไฟล์ลิสต์ที่ตรงกัน ใช้สำหรับอิมปอร์ตไฟล์เอกสาร ค่าเมตะดาต้า และสิ่งที่แนบมาที่ระบุไว้ในไฟล์ลิสต์

ตรวจสอบว่า เอเจนต์การอิมปอร์ตไฟล์ เปิดใช้งานและทำงานอยู่บนคอมพิวเตอร์ของคุณ

หากต้องการคอนฟิเกอร์การตั้งค่างานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตไฟล์ลิสต์ ให้ทำดังนี้

  1. สร้างไฟล์ลิสต์

    ไฟล์ลิสต์เป็นไฟล์ข้อความที่มีเรคคอร์ดข้อมูลแบบมีตัวคั่น ซึ่งใช้ระบุชื่อไฟล์ที่จะอิมปอร์ตและตำแหน่งของไฟล์ นอกจากนี้ แต่ละเรคคอร์ดยังอาจมีค่าเมตะดาต้าที่ใช้ระบุเอกสารหรือใช้จับคู่กับไฟล์ฐานข้อมูล และไฟล์ลิสต์ยังอาจมีเรคคอร์ดสิ่งที่แนบมาหนึ่งหรือหลายรายการที่จะอิมปอร์ตสำหรับเอกสารด้วย โปรดดู อิมปอร์ตสิ่งที่แนบมาระหว่างการอิมปอร์ตไฟล์ลิสต์

  2. เพิ่ม แก้ไข หรือคัดลอกงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต โดยเลือก ที่มาไฟล์ลิสต์ ในฟิลด์ ที่มาการอิมปอร์ต บนเพจการตั้งค่าทั่วไป

  3. ในเพจการตั้งค่าทั่วไป ให้กรอกข้อมูลในฟิลด์ โลแคลดีฟอลต์ การเข้ารหัส และ รูปแบบวันที่ดีฟอลต์

    ฟิลด์เหล่านี้ช่วยให้ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตสามารถอ่านไฟล์ลิสต์ตามโลแคลของคุณได้อย่างถูกต้อง

  4. ในเพจโปรไฟล์เอกสาร ให้แมปฟิลด์เมตะดาต้าการบันทึกกับค่าไฟล์ลิสต์ โดยระบุตำแหน่งฟิลด์ในไฟล์ลิสต์โดยใช้แอททริบิวเมตะดาต้า ฟิลด์ 1 - ฟิลด์ n นอกจากนี้ คุณยังสามารถแมปฟิลด์ระดับระบบตามที่อธิบายไว้ใน คอนฟิเกอร์การระบุเมตะดาต้าระหว่างการอิมปอร์ต

    ตัวอย่างเช่น หากต้องการแมปฟิลด์เมตะดาต้า ID ลูกค้า กับฟิลด์แรกของแต่ละเรคคอร์ดในไฟล์ลิสต์ คุณควรเลือกฟิลด์ ID ลูกค้า ในตาราง การแมปฟิลด์เมตะดาต้า แล้วคลิกแก้ไขตาราง และเลือก ฟิลด์ 1 ในฟิลด์ แอททริบิวเมตะดาต้า ของไดอะล็อกการแมปฟิลด์เมตะดาต้า

  5. ทำการตั้งค่าในเพจการตั้งค่าที่มาการอิมปอร์ตให้เสร็จสมบูรณ์

    1. ในฟิลด์ ไฟล์มาสก์ ให้ระบุประเภทไฟล์ที่จะอิมปอร์ตโดยการป้อนนามสกุลไฟล์ ระบุ *.* เพื่ออิมปอร์ตทุกไฟล์ คั่นไฟล์มาสก์หลายรายการด้วยเครื่องหมายเซมิโคลอน (;)

    2. หากต้องการตรวจสอบและอิมปอร์ตไฟล์ลิสต์จากโฟลเดอร์ย่อยภายในโฟลเดอร์ที่ระบุ ให้เลือกฟิลด์ ประมวลผลโฟลเดอร์ย่อย

    3. จากตัวเลือก สร้างแบทช์ใหม่ ให้ระบุว่าจะสร้างแบทช์ใหม่สำหรับไฟล์ลิสต์หรือโฟลเดอร์แต่ละรายการที่อิมปอร์ตหรือไม่ หากสร้างหนึ่งแบทช์ต่อโฟลเดอร์ โฟลเดอร์ย่อยแต่ละรายการที่ประมวลผลจะสร้างแบทช์ใหม่

    4. ในฟิลด์ ตัวคั่นฟิลด์ ให้ระบุวิธีการคั่นฟิลด์ในไฟล์ลิสต์ ใช้ตัวคั่นที่จะไม่ใช้ในเมตะดาต้าไฟล์ลิสต์

      ตัวอย่างเช่น ป้อน | (ไปป์), , (คอมมา) หรือ ~ (ตัวหนอน)

    5. ในฟิลด์ ฟิลด์สูงสุดต่อเอกสาร ให้ระบุจำนวนฟิลด์สูงสุดในไฟล์ลิสต์ที่จะใช้แมปกับฟิลด์เมตะดาต้า

    6. ในฟิลด์ ตำแหน่งฟิลด์ไฟล์เอกสาร ให้ป้อนตำแหน่งฟิลด์ไฟล์ลิสต์ของชื่อและตำแหน่งไฟล์เอกสาร ตัวอย่างเช่น ป้อน 1 หากฟิลด์แรกของแต่ละเรคคอร์ดในไฟล์ลิสต์ระบุถึงพาธและชื่อไฟล์เอกสาร

      หมายเหตุ:

      หากตำแหน่งฟิลด์ไฟล์เอกสารที่ระบุไม่มีพาธไปยังไฟล์ที่จะอิมปอร์ต ระบบจะถือว่าไฟล์อยู่ในโฟลเดอร์เดียวกันกับไฟล์ลิสต์ที่ประมวลผลอยู่

    7. ในฟิลด์ การประมวลผลไฟล์ลิสต์ภายหลัง ให้ระบุวิธีเปลี่ยนไฟล์ลิสต์หลังจากอิมปอร์ตเพื่อไม่ให้มีการอิมปอร์ตอีกครั้งเมื่อรันงานตามปกติ หรืออีกนัยหนึ่งคือ คุณต้องเปลี่ยนชื่อไฟล์ลิสต์เพื่อจะไม่ได้ไม่ตรงกับ ไฟล์มาสก์ ที่ระบุสำหรับงานอีกต่อไป คุณสามารถลบไฟล์ เปลี่ยนนามสกุลไฟล์ หรือเพิ่มคำนำหน้าชื่อไฟล์

    8. ในฟิลด์ การประมวลผลไฟล์เอกสารภายหลัง ให้ระบุว่าคุณต้องการลบไฟล์เอกสารและสิ่งที่แนบมาออกจากตำแหน่งที่ระบุหลังจากอิมปอร์ตสำเร็จหรือไม่

  6. ดำเนินการกับเพจงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตอื่นๆ ให้เสร็จสมบูรณ์ตามที่อธิบายไว้ใน เพิ่มหรือแก้ไขงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต

  7. ทดสอบงานการอิมปอร์ตไฟล์ลิสต์

    เมื่องานได้รับการเปิดใช้งานตามความถี่ที่ระบุ ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะตรวจสอบโฟลเดอร์เพื่อหาไฟล์ลิสต์ที่ตรงกับไฟล์มาสก์ที่ระบุ จากนั้นจึงอิมปอร์ตไฟล์เอกสารและสิ่งที่แนบมาที่ระบุไว้ในไฟล์ลิสต์ และอาจป็อปปูเลทฟิลด์เมตะดาต้าด้วยข้อมูลไฟล์ลิสต์ รวมทั้งลบหรือเปลี่ยนชื่อไฟล์ลิสต์ด้วย

อิมปอร์ตสิ่งที่แนบมาระหว่างการอิมปอร์ตไฟล์ลิสต์

เมื่อประมวลผลไฟล์ลิสต์ ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะอิมปอร์ตไฟล์เอกสาร ค่าเมตะดาต้า และสิ่งที่แนบมาที่ระบุในไฟล์ลิสต์ รูปแบบที่จะใช้กำหนดสิ่งที่แนบมาภายในไฟล์ลิสต์คือ:

@Attachment[delimiter][Attachment Type][delimiter][Attachment File]

หรือ

@Support[delimiter][Attachment Type][delimiter][Attachment File]

แนะนำให้ใช้คำสั่ง @Attachment

เมื่อตัวประมวลผลการอิมปอร์ตประมวลผลเรคคอร์ดสิ่งที่แนบมา ระบบจะอิมปอร์ตสิ่งที่แนบมาสำหรับเอกสารที่ระบุในเรคคอร์ดก่อนหน้า ดังนั้น ต้องไม่ระบุสิ่งที่แนบมาเป็นเรคคอร์ดแรกในไฟล์ลิสต์ การระบุสิ่งที่แนบมาเป็นเรคคอร์ดแรกจะทำให้เกิดข้อผิดพลาด

ตัวอย่าง 11-1 ตัวอย่าง:

Doc1.TIF|Corp 1|Invoice
@Attachment|PO|PO1.TIF
Doc2.TIF|Corp 2|Invoice

ในตัวอย่างข้างต้น ระบบจะอิมปอร์ต PO1.TIF เป็นสิ่งที่แนบมาสำหรับเอกสาร Doc1.TIF คุณสามารถระบุเรคคอร์ดสิ่งที่แนบมาได้หลายรายการสำหรับหนึ่งเอกสาร

ตัวอย่าง 11-2 ตัวอย่าง:

Doc1.TIF|Corp 1|Invoice
@Attachment|PO|PO1.TIF
@Attachment|Contract|Contract1.PDF
@Attachment|Contract|Amendment1.PDF
Doc2.TIF|Corp 2|Invoice

ถ้าไฟล์สิ่งที่แนบมาเป็น TIFF แบบหลายเพจ ระบบจะอิมปอร์ตแต่ละเพจเป็นรายการแบทช์แยกกัน และประกอบให้เป็นสิ่งที่แนบมา

คอนฟิเกอร์การอิมปอร์ตไฟล์จากโฟลเดอร์

ในงานการอิมปอร์ตโฟลเดอร์ ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะตรวจสอบโฟลเดอร์การอิมปอร์ต และอิมปอร์ตไฟล์ทั้งหมดเพื่อค้นหาไฟล์มาสก์ที่ระบุ

ตรวจสอบว่า เอเจนต์การอิมปอร์ตไฟล์ เปิดใช้งานและทำงานอยู่บนคอมพิวเตอร์ของคุณ

ในการคอนฟิเกอร์การตั้งค่างานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตโฟลเดอร์ ให้ทำดังนี้

  1. เพิ่ม แก้ไข หรือคัดลอกงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต และเลือก ที่มาของโฟลเดอร์ ในฟิลด์ ที่มาของการอิมปอร์ต ในเพจการตั้งค่าทั่วไป

  2. คอนฟิเกอร์การตั้งค่าในเพจการตั้งค่าที่มาการอิมปอร์ต

    1. ในฟิลด์ ไฟล์มาสก์ ให้ระบุประเภทของไฟล์ที่จะอิมปอร์ต โดยป้อนนามสกุลไฟล์ (*.tif หรือ *.pdf เป็นต้น) ระบุ *.* เพื่ออิมปอร์ตทุกไฟล์ คั่นไฟล์มาสก์หลายรายการด้วยเครื่องหมายเซมิโคลอน (;)

    2. ถ้าต้องการให้ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตตรวจสอบและอิมปอร์ตไฟล์จากโฟลเดอร์ย่อยภายในโฟลเดอร์นี้ ให้เลือกฟิลด์ ประมวลผลโฟลเดอร์ย่อย

    3. ในฟิลด์ สร้างแบทช์ใหม่ ให้ระบุว่าต้องการสร้างแบทช์ใหม่เมื่อมีการอิมปอร์ตแต่ละไฟล์ หรืออิมปอร์ตแต่ละโฟลเดอร์ เมื่อสร้างหนึ่งแบทช์ต่อโฟลเดอร์ ระบบจะสร้างแบทช์สำหรับโฟลเดอร์ย่อยภายในโฟลเดอร์ด้วยเช่นกัน

      เมื่อคุณเลือกตัวเลือก ต่อโฟลเดอร์ ไว้ จำนวนไฟล์สูงสุดที่อิมปอร์ตต่อแบทช์ จะมีสถานะใช้งาน ป้อนตัวเลขไม่เกิน 500

    4. ในฟิลด์ ไฟล์พร้อม ให้เลือกป้อนชื่อไฟล์ที่ต้องที่มีอยู่ในโฟลเดอร์ (และในแต่ละโฟลเดอร์ย่อย หากมี) ก่อนที่ระบบจะประมวลผลโฟลเดอร์ ตัวเลือกนี้จะชะลอการประมวลผลโฟลเดอร์จนกว่า "ไฟล์พร้อม" จะปรากฏ เมื่อการประมวลผลเสร็จสมบูรณ์แล้ว "ไฟล์พร้อม" จะถูกลบออก

    5. ในฟิลด์ ลำดับการประมวลผลไฟล์ ให้ระบุประเภทการจัดเรียงหลักและรอง รวมถึงลำดับการประมวลผลไฟล์ในโฟลเดอร์การอิมปอร์ต ตัวเลือกของประเภทการจัดเรียงมีดังนี้: ไม่มี (ไม่มีประเภทการจัดเรียง), ชื่อไฟล์, นามสกุลไฟล์ หรือ วันที่แก้ไขไฟล์ และตัวเลือกของลำดับการจัดเรียงมีดังนี้: น้อยไปมาก หรือ มากไปน้อย

    6. ในฟิลด์ การประมวลผลภายหลังของไฟล์ ให้ระบุว่าต้องการเปลี่ยนแปลงไฟล์อย่างไรหลังจากการอิมปอร์ต เพื่อไม่ให้มีการอิมปอร์ตอีกครั้งถ้างานนั้นต้องดำเนินการเป็นประจำ กรณีนี้ คุณต้องเปลี่ยนชื่อไฟล์เพื่อไม่ให้ตรงกับ ไฟล์มาสก์ ที่ระบุสำหรับงานนี้ คุณสามารถลบไฟล์ เปลี่ยนนามสกุล หรือเพิ่มคำนำหน้าไฟล์ได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถล้างข้อมูลในโฟลเดอร์ย่อยที่ประมวลผล โดยเลือกฟิลด์ ลบโฟลเดอร์ย่อยที่ประมวลผลหากว่างเปล่า

  3. ดำเนินการกับเพจงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ตอื่นให้เสร็จสมบูรณ์

  4. ทดสอบงานการอิมปอร์ตโฟลเดอร์ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการเปิดใช้งานแล้วในความถี่ที่เลือกไว้

ตัวประมวลผลการอิมปอร์ตจะตรวจสอบโฟลเดอร์เพื่อหาไฟล์ที่ตรงกับไฟล์มาสก์ ถ้าพบไฟล์ที่ตรงกัน ระบบจะอิมปอร์ตไฟล์และสร้างแบทช์ใหม่ ป็อปปูเลทฟิลด์เมตะดาต้า และลบหรือเปลี่ยนชื่อไฟล์ตามที่คุณระบุไว้

คอนฟิเกอร์การระบุเมตะดาต้าระหว่างการอิมปอร์ต

ในเพจโปรไฟล์เอกสาร คุณสามารถคอนฟิเกอร์วิธีการแมปค่างานการอิมปอร์ตกับฟิลด์เมตะดาต้าของการบันทึกเนื้อหา ระหว่างการประมวลผลการอิมปอร์ตได้

ในการคอนฟิเกอร์การระบุเมตะดาต้าระหว่างการอิมปอร์ต ให้ทำดังนี้

  1. ในงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต เลือกเพจโปรไฟล์เอกสาร

  2. ในฟิลด์ โปรไฟล์เอกสารดีฟอลต์ ให้ระบุโปรไฟล์เอกสารที่ต้องการระบุให้กับเอกสารที่อิมปอร์ต โปรไฟล์ที่เลือกจะจัดประเภทเอกสาร ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้เปิดแบทช์ในไคลเอนต์ ระบบจะเลือกโปรไฟล์เอกสารนี้

  3. ในตาราง การแมปฟิลด์เมตะดาต้า ให้แมปฟิลด์เมตะดาต้าการบันทึกเนื้อหากับค่าเฉพาะของที่มาการอิมปอร์ตที่เลือก

    ในคอลัมน์ ฟิลด์เมตะดาต้า ให้เลือกฟิลด์การบันทึกที่ต้องการป็อปปูเลท แล้วคลิก แก้ไข หากไม่คำนึงถึงโปรไฟล์เอกสารดีฟอลต์ที่เลือกไว้ ฟิลด์เมตะดาต้าทั้งหมดในโปรซีเจอร์สามารถใช้สำหรับการแมปได้

  4. ดำเนินการตั้งค่าในไดอะล็อก การแมปฟิลด์เมตะดาต้า ให้เสร็จสมบูรณ์

    1. เลือกค่าเมตะดาต้าสำหรับที่มาการอิมปอร์ตในฟิลด์ แอททริบิวของเมตะดาต้า ในการป็อปปูเลทด้วยค่าดีฟอลต์ เลือก ค่าดีฟอลต์ ในฟิลด์นี้ แล้วระบุค่าในฟิลด์ ค่าดีฟอลต์

    2. ใน งานการอิมปอร์ตโฟลเดอร์ เลือกจากแอททริบิวที่เกี่ยวข้องกับโฟลเดอร์, ไฟล์ หรือพาธ ที่แสดงรายการในตารางนี้

      แอททริบิวของระบบ ค่าสำหรับพาธตัวอย่างของไฟล์ที่กำลังอิมปอร์ต (/import/expenses/20200426/Customer1.pdf)

      ชื่อไฟล์

      Customer1.pdf

      ชื่อไฟล์หลัก

      Customer1

      นามสกุลไฟล์

      pdf

      พาธของโฟลเดอร์

      /import/expenses/20200426

      ชื่อโฟลเดอร์

      20200426

      พาธของไฟล์แบบเต็ม

      /import/expenses/20200426/Customer1.pdf

      วันที่/เวลาที่แก้ไขไฟล์

      วันที่/เวลาที่แก้ไขไฟล์ - ค่าของระบบ

      ชื่อโฮสต์ของเอเจนต์การอิมปอร์ต

      ชื่อโฮสต์ของคอมพิวเตอร์ที่มี เอเจนต์การอิมปอร์ตไฟล์ ติดตั้งไว้

    3. ใน งานการอิมปอร์ตอีเมล์ เลือกจากแอททริบิวที่เกี่ยวข้องกับข้อความอีเมล์ที่แสดงรายการในตารางนี้

      แอททริบิวของระบบ คำอธิบาย

      จากชื่อ

      ชื่อแทนของจากแอดเดรส

      จากแอดเดรส

      อีเมล์แอดเดรสของผู้ส่ง

      ชื่อที่รับการตอบกลับ

      ชื่อที่รับการตอบกลับสำหรับข้อความ

      แอดเดรสที่รับการตอบกลับ

      แอดเดรสที่รับการตอบกลับสำหรับข้อความ

      ชื่อผู้รับ

      คอลเล็คชันของชื่อผู้รับสำหรับข้อความ

      แอดเดรสของผู้รับ

      คอลเล็คชันของแอดเดรสของผู้รับสำหรับข้อความ

      โฟลเดอร์

      ชื่อโฟลเดอร์ที่ได้รับข้อความมา

      วันที่ได้รับ

      วันที่และเวลาที่ได้รับข้อความ

      วันที่ส่ง

      วันที่และเวลาที่ส่งข้อความเริ่มแรก

      หัวเรื่อง

      หัวเรื่องของข้อความ

      ความสำคัญของอีเมล์

      ค่าลำดับความสำคัญต่ำ ปานกลาง และสูงของข้อความ

      MessageId

      ID ที่ไม่ซ้ำกันของข้อความ

    4. ในงานการอิมปอร์ตใดๆ ให้เลือกจากแอททริบิวของระบบร่วมที่แสดงรายการในตารางนี้

      แอททริบิวของระบบ คำอธิบาย

      วันที่/เวลาที่อิมปอร์ต

      วันที่และเวลาที่มีการอิมปอร์ตแบทช์

      ชื่องานการอิมปอร์ต

      ชื่อที่ระบุให้กับงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต

      ค่าดีฟอลต์

      ค่าดีฟอลต์ที่ระบุไว้ตามที่กำหนด

  5. แมปฟิลด์เมตะดาต้าอื่นๆ ในตาราง การแมปฟิลด์เมตะดาต้า ตามที่ต้องการ

คอนฟิเกอร์การประมวลผลภายหลังของงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต

การตั้งค่าการประมวลผลภายนอกช่วยให้คุณสามารถควบคุมสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากการประมวลผลการอิมปอร์ตดำเนินการกับแบทช์เสร็จสมบูรณ์

ในการคอนฟิเกอร์การประมวลผลภายหลังของงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต ให้ทำดังนี้

  1. เพิ่มหรือแก้ไขงานตัวประมวลผลการอิมปอร์ต จากนั้นเลือกเพจการประมวลผลภายหลัง
  2. ในฟิลด์ ตัวประมวลผลแบทช์ ให้เลือกขั้นตอนถัดไปว่าจะเกิดไรขึ้นหลังจากที่สร้างแบทช์และการประมวลผลการอิมปอร์ตเสร็จสมบูรณ์ การเลือก ไม่มี จะทำให้ไคลเอนต์สามารถใช้งานแบทช์ได้ทันที
  3. ในฟิลด์ งานตัวประมวลผลแบทช์ เลือกงานการรับรู้, การแปลงเป็น TIFF/PDF, การค้นหาข้อมูล หรือการแปลง XML ที่จะรัน คุณสามารถเลือกตัวเลือกนี้ได้ต่อเมื่อคุณได้เลือกตัวประมวลผลการรับรู้ ตัวประมวลผลการแปลงค่า หรือตัวประมวลผลการค้นหาข้อมูล หรือตัวประมวลผลการแปลง XML ในขั้นตอนก่อนหน้า
  4. คลิกที่ ส่ง เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง